fallout 1 รีวิว เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 1997 ที่ผ่านมา เป็นวันปล่อยเกม Fallout: A Post Nuclear Role Playing Game หรือ Fallout เดี่ยว ๆ ตามที่หลายคนเข้าใจ ซึ่งในยุคนั้น Fallout เป็นหนึ่งในเกมที่พลิกวงการเกม RPG สัญชาติตะวันตกไปตลอดกาล และถึงแม้ว่าเกมซีรี่ส์นี้ยังคงสืบสานภาคต่ออย่างต่อเนื่อง แต่แฟนเกมเดนตายยังคงยกย่องว่าภาคแรกเป็นเกม Fallout ที่ดีที่สุด
นี่คือ ย้อนรอย 21 ปี – Fallout เกม RPG ผลัดเทิร์นที่ล้ำหน้าและรุนแรงที่สุดในยุค ’90 จะเป็นการเล่าประสบการณ์จากการเล่นเกม Fallout ภาคคลาสสิก ซึ่งหลังจากที่ผู้เขียนได้สัมผัสตัวเกมแล้ว ก็ได้รับรู้ว่า Fallout ภาคใหม่ที่สานต่อโดย Bethesda Studio ยังมีเนื้อหาหลายอย่างที่ Fallout ดั้งเดิมไม่มี!
fallout 1 รีวิวย้อนวันวานกันหน่อย
fallout 1 รีวิว หนึ่งในเกมที่ลบนิยามว่า ‘เกมเป็นของสำหรับเด็ก’
หลายคนรู้ดีว่าเกม Fallout มีเนื้อหาที่รุนแรง แต่เป็นความรุนแรงแบบสนุกสนาน ตลกขำขัน ยิงตัวแตกเศษเนื้อกระจายไปทั่วห้อง แต่ไม่ใช่สำหรับ Fallout ภาคแรกเป็นหนึ่งในเกมที่รุนแรงที่สุดในยุค ’90 และเป็นเกมหนึ่งที่ต้องการลบคำนิยามว่า เกมเป็นของสำหรับเด็ก ๆ ร่วมกับ DooM และ Wolfenstein
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเทคโนโลยี Ragdoll สำหรับวีดีโอเกมยังคงไม่เกิดขึ้นในยุค ’90 ทำให้ฉากตายภายในเกมส่วนใหญ่ยังคงใช้เป็นงานแอนิเมชั่นล้วน ๆ ซึ่งแน่นอนว่าฉาก Death Animation ของเกม Fallout มีอะไรที่น่าตาตรึงใจหลายคน เพราะมันช่างโหดเหี้ยม ดิบเถื่อน ไม่รู้สึกสบายใจ และ Gore ที่จัดเต็มมาก
ยกตัวอย่างเช่น: ถ้าเกมเมอร์ใช้ปืนยิง Minigun ใส่ศัตรูจน HP หมดหลอดและผู้เล่นติด Bloody Mess Perk ด้วย ฝั่งศัตรูจะมีแอนิเมชั่นพิเศษเฉพาะอย่างเช่น ยิงขาดครึ่งตัว, หัวขาดเลือดพุ่งเป็นน้ำพุ หรือไหล่ขาดจนเห็นกระดูก อีกตัวอย่างหนึ่งคือ Alien Blaster ซึ่งเป็น Energy Weapon ทรงพลังที่สุดในเกม สามารถยิงให้ศัตรูกลายสภาพเป็นขี้เถ้าเหลือแต่โครงกระดูก เป็นต้น
ระบบเกมในตอนนั้น
ซึ่งแน่นอนว่า Fallout เป็นเกมเปิดโลกกว้างที่คุณจะสามารถทำอะไรก็ได้ รวมไปถึงกำหนดชี้ชะตาตัวละครภายในเกมได้ทุกคน แต่สิ่งที่พิเศษมากกว่าเกมอื่น ๆ คือ ระบบบุญ-บาป (Karma) ถ้าเกมเมอร์เล่นเป็นคนดี คุณจะได้รางวัลอีกแบบหนึ่ง ถ้าเล่นเป็นคนชั่ว ผู้เล่นก็จะได้รางวัลอีกรูปแบบหนึ่ง โดยเกมนี้จะมี Reputation แบ่งพรรคพวกออกเป็นสามฝ่าย คือ Champion คนที่ต่อสู้กับผู้ร้าย, Berserker กลุ่มคนที่ฆ่าผู้คนบริสุทธิ์มากมาย แต่มี Reputation หนึ่งที่ทั้งฝ่ายดีและร้ายไม่ยอมรับ นั้นก็คือ ‘Child-Killer‘ หรือการสังหารเด็ก
ใช่แล้ว! คุณจะได้รับฉายานี้จากการ ‘ฆ่า’ เด็กภายในเกม โดยรางวัลจากการได้รับฉายา Child-Killer ก็คือ NPC ที่สื่อสารด้วยจะโดนลดความน่าเชื่อถือลง -30% ทุกฝ่ายพร้อมโดนไล่ล่าจากนักล่าค่าหัวจากการ Encounter ในแผนที่โลก รวมไปถึงตัวเกมจะตีตราหน้าว่าผู้เล่นว่าเป็นคนชั่วร้ายเกินมนุษย์ ผู้เล่นไปได้ผลประโยชน์อะไรเลยจาก Child-Killer แต่ถ้าคุณอยากจะทำก็ทำได้ไม่มีใครห้าม
น่าเสียดายที่ Fallout 3, New Vegas และภาค 4 ไม่สามารถฆ่าเด็กได้อีกต่อไป (ไม่รู้สึกเสียใจด้วยที่จะพูดออกมา เพราะเด็กในเกมนี้ชอบ Pickpocket) ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เนื้อหาเล็ก ๆ แต่มันก็สามารถสร้างบรรยากาศภายในเกมให้มีความดาร์กให้สมกับ Wasteland ที่วัฒนธรรมมนุษยชาติได้ล่มสลายในพริบตาได้ทรงพลังมาก จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม Fallout 1 ยังคงเป็นเกมที่มีบรรยากาศน่าหดหู่แต่น่าจดจำที่สุด
ล้ำตั้งแต่ภาคแรก
เกมนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเกม Turn-Based RPG ชิ้นโบว์แดงที่มีแนวคิดล้ำหน้ามาก ล้ำจนแม้ว่าในปัจจุบันตัวเกมก็ยังคงไม่ล้าสมัยไปตามกาลเวลา โดยแฟนเกม Fallout สายฮาร์ดคอร์บางคนยังคงชื่นชอบเกมเวอร์ชั่นเป็นเกม RPG ของ Black Isle Studio มากกว่าของเกมที่ผลิตโดย Bethesda ซะอีก (เผลอ ๆ ลั่นด้วยว่าทีมผู้พัฒนา Bethesda ทำเกมซีรี่ส์นี้พังกับมือ) ซึ่งผู้เขียนในตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่า Bethesda ทำลายเกมนี้อย่างไร แต่พอได้แตะเกมนี้ผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง ก็พอเข้าใจความรู้สึกของเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ขึ้นมาบ้าง
ต้องให้เครดิตแก่ทีมงาน Black Isle Studio ที่กล้านำเสนอและมีความคิดสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นค่าสถานะพื้นฐานอย่าง S.P.E.C.I.A.L, การออกแบบงานอาร์ทสไตล์ Atompunk ซึ่งเข้ากับธีมหลักของเกม Fallout หรือกระทั่งเพลงประกอบที่ชวนขนลุก (ยอมรับเลยว่าเล่นภาค 4 ต้องลงม็อดใส่เพลง Fallout 1 เข้าไปแทนที่เพลงเก่า) ทำให้เกมนี้เป็นเกมธีมโลกหลังหายนะที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
ในส่วนของเกมเพลย์ แม้จะไม่ได้มีวิวัฒนาการอะไรมากนัก แต่ก็ไม่รู้สึกล้าหลังเลย โดย Fallout ยังคงเป็นเกม Turn-Based RPG ที่เล่นสนุกเช่นเคย แม้เกมจะอายุ 21 ปีแล้วแต่หากสำหรับผู้เล่นที่ยังคงติดสไตล์การเล่นแบบ Fallout 3 เป็นต้นไป ผู้เล่นอาจจะต้องปรับตัวศึกษาเกมเพลย์หรือจะต้องรู้สึกอึดอัดไม่ใช่น้อย เพราะรูปแบบการเล่นมีความซับซ้อนยิ่งกว่าและเล่นยากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการผลัดเทิร์น, การเดินทาง, User Interface, HUD, การใช้ไอเท็มและอื่น ๆ แต่ถ้าหากเกมเมอร์เล่นเป็น คุณจะต้องสนุกและสะใจกับเกมนี้อย่างแน่นอน
เนื้อเรื่องดาร์กที่สุดในบรรดาตระกูล Fallout ทั้งหมด
เพราะเป็นเกมภาคแรก ทีมผู้พัฒนายังคงมีไฟมีจุดประสงค์ มีแรงขับเคลื่อนต้องการให้เกมนี้สามารถจำลองโลกหลังหายนะจากสงครามนิวเคลียร์และแสดงให้เห็นว่า Wasteland เป็นสถานที่ที่ไม่มีการให้อภัยจากความผิดพลาดเป็นอันขาด ฉะนั้นการออกแบบมิชชั่นภายในเกมนี้จะมีอารมณ์ที่ซีเรียส ไม่มีการสอดแทรกดาร์กคอเมดี้ซึ่งอาจจะทำให้สูญเสียบรรยากาศโดยรวมได้
ไม่ว่าจะเป็นตอนจบที่มีความหลากหลาย มีความดาร์กมากกว่าภาคหลัก และการกระทำของผู้เล่นได้ส่งผลต่อการเล่าเรื่องในฉากคัตซีนและรู้สึกมีอิมแพคจริง ๆ ว่าเกมเมอร์ได้กระทำบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนชะตากรรมของ Watseland ไปตลอดกาล ซึ่งเป็นจุดที่ทีมงาน Bethesda ควรจะจดไว้เป็นโน้ตไว้ใช้ปรับปรุงในรอบหน้าแต่อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าเกมนี้จะ No Fun Allowed ไปซะทีเดียว เพราะว่ามุกค่า Intelligence ต่ำติดดิน ส่งผลทำให้การสื่อสารของตัวละครคุยไม่รู้เรื่อง (Me shoulder!) และ Random Encounter บ้าบอ ยังคงมีอยู่ให้เห็นเป็นระยะ